พระราชประวัติ ของ กาเตรีนา กอร์นาโร

พื้นเพเดิม

กาเตรีนาเป็นธิดาของมาร์โก กอร์นาโร (Marco Cornaro; ธันวาคม 1406 – 1 สิงหาคม 1479) เป็นอัศวินแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และอภิชนชาวเวนิส กับฟีโอเรนซา กริสโป (Fiorenza Crispo) พระองค์มีพระเชษฐาคนหนึ่งชื่อจอร์โจ กอร์นาโร (Giorgio Cornaro; 1452 – 31 กรกฎาคม 1527) ซึ่งเป็นอัศวินและอภิชนเช่นบิดา[2]

มาร์โกพระราชชนกเป็นเหลนของมาร์โก กอร์นาโร (Marco Cornaro; 1286 – 13 มกราคม 1368) ดอเจแห่งเวนิสช่วงปี ค.ศ. 1365 ถึง 1368[3] มีบุคคลจากตระกูลกอร์นาโรเป็นดอเจถึงสี่คน พวกเขามีความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์กับไซปรัสมายาวนาน รวมทั้งมีกิจการโรงงานน้ำตาลในแถบเมืองเอพิสโคพีของเขตลีมาซอล และส่งออกผลิตภัณฑ์จากไซปรัสส่งขายยังเมืองเวนิส[4][5][6]

ส่วนฟีโอเรนซาพระราชชนนีเป็นธิดาของนีโกลัส กริสโป ลอร์ดแห่งไซรอส (Nicholas Crispo; 1392–1450) กับภรรยาคนหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นบุตรสาวของจาโกโป กัตตีลูซีโอ (Jacopo Gattilusio) เพราะสอดคล้องกับเอกสารที่ระบุตรงกันว่านิกโกเลาะ (Niccolò) เป็นลูกเขยของจาโกโปแห่งเลสบอส[7] ส่วนบันทึกของกาเตรีโน เซโนซึ่งบันทึกไว้ใน ค.ศ. 1474 บันทึกชื่อของภรรยาคนที่สองของกริสโปไว้ว่า ยูโดกีอา-วาเลนซาแห่งเทรบีซอนด์ (Eudokia-Valenza of Trebizond) พระราชธิดาในจักรพรรดิจอห์นที่ 4 แห่งเทรบีซอนด์ซึ่งประสูติแต่พระราชธิดาไม่ปรากฏพระนามของพระเจ้าอเล็กซันเดอร์ที่ 1 แห่งจอร์เจีย จากการศึกษาของมีแชล คูร์ซันสกิส (Michel Kuršanskis) พบว่า สตรีผู้นี้ไม่มีตัวตนจริง[8]

อภิเษกสมรส

พระเจ้าฌักที่ 2 แห่งไซปรัส หรือเป็นที่รู้จักในพระนาม "ฌักพระราชบุตรนอกสมรส" (le bâtard) ชิงบัลลังก์จากพระราชินีนาถชาร์ล็อต พระขนิษฐาต่างพระชนนี แล้วสถาปนาตนเองเสวยราชสมบัติขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งไซปรัสแทนที่เมื่อ ค.ศ. 1468 และในปีนั้นพระองค์ทรงเลือกกาเตรีนามาเป็นพระราชินีแห่งไซปรัส อันสร้างความพอใจแก่สาธารณรัฐเวนิสอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลดีเชิงพาณิชยกรรมและสิทธิพิเศษต่อกิจการของเวนิสในไซปรัส ทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสกันเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1468 ณ เมืองเวนิส ซึ่งขณะนั้นกาเตรีนามีพระชนมายุเพียง 14 พรรษา หลังพระราชพิธีอภิเษกสมรส กาเตรีนาจึงเสด็จไปประทับ ณ ไซปรัสและจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสอีกครั้งช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 1472 ที่เมืองฟามากุสตา[9]

เสวยราชย์

ภาพพระราชวงศ์จากซ้าย ได้แก่ กาเตรีนา, พระเจ้าฌักที่ 3 และพระเจ้าฌักที่ 2 ตามลำดับ

หลังการอภิเษกสมรสหนที่สองได้ไม่นานนัก พระเจ้าฌักที่ 2 ก็ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตในวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1473 ในช่วงเวลานั้นพระราชินีกาเตรีนากำลังทรงพระครรภ์ ไม่ช้าจึงประสูติกาลพระราชโอรสคือพระเจ้าฌักที่ 3 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1473 ด้วยเหตุนี้พระราชินีกาเตรีนาจึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระเจ้าฌักที่ 3 ทว่าวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1474 พระเจ้าฌักที่ 3 เสด็จสวรรคตหลังการประชวร พระราชินีกาเตรีนาจึงเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อมา มีข่าวลือว่าพระราชาพระองค์น้อยนี้น่าจะถูกพวกเวนิสหรือพรรคพวกของอดีตพระราชินีนาถชาร์ล็อตลอบปลงพระชนม์ด้วยยาพิษ[10]

อาณาจักรเสื่อมโทรมมายาวนานเพราะตกเป็นรัฐบรรณาการของมัมลูกตั้งแต่ ค.ศ. 1426 เป็นต้นมา ในรัชกาลของพระราชินีนาถกาเตรีนา เกาะไซปรัสถูกควบคุมโดยพ่อค้าชาวเวนิส และในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1489 พระองค์ทรงถูกบีบบังคับให้สละราชสมบัติและขายระบบบริหารประเทศทั้งหมดแก่สาธารณรัฐเวนิส[11]

ในเอกสารของจอร์จ บูสโตรนีโอส (George Boustronios) บันทึกไว้ว่า "วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1489 สมเด็จพระราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคออกจากนิโคเซียไปเมืองฟามากุสตาเพื่อเสด็จออก [จากไซปรัส] และเมื่อพระองค์ขึ้นประทับบนหลังม้า ทรงฉลองพระองค์ผ้าไหมสีดำ รายล้อมไปด้วยเหล่านางในและอัศวินของพระองค์ [...] ในขบวนเสด็จ พระองค์กันแสง ดวงพระเนตรเต็มไปด้วยชลนาตลอดเวลาเสด็จ ผู้คนที่เฝ้ารับเสด็จล้วนเทวษร่ำไห้เช่นกัน"[12]

เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1489 รัฐบาลเวนิสโน้มน้าวให้พระราชินีกาเตรีนายกสิทธิเหนือบัลลังก์ไซปรัสแก่ดอเจแห่งเวนิสเพื่อขยายอำนาจ[13]

ปลายพระชนม์

ราชอาณาจักรไซปรัสซึ่งเป็นรัฐนักรบครูเสดแห่งสุดท้ายได้ตกเป็นอาณานิคมของสาธารณรัฐเวนิส และเพื่อเป็นการชดเชย พระองค์ได้รับการสงวนพระอิสริยยศเป็นพระราชินีดังเดิม และได้รับการแต่งตั้งเป็น ซิญญอราแห่งอาโซโล (อิตาลี: Signora di Asolo, เวนิส: Siora de Àxoło) ในแถบแตร์ราแฟร์มาของสาธารณรัฐเวนิสเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1489[14] ณ เมืองอาโซโล เป็นเมืองอันมีชื่อเสียงด้านวรรณกรรมและศิลปะที่มีลักษณะเฉพาะ โดยปีเอโตร เบมโบได้แต่ง กลีอาโซลานี (Gli Asolani) อันเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับความรักที่เกิดขึ้นใกล้กับพระราชสำนักของพระราชินีนาถกาเตรีนา[15]

กาเตรีนา กอร์นาโลสวรรคตเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1510 ณ เมืองเวนิส[16]

แหล่งที่มา

WikiPedia: กาเตรีนา กอร์นาโร http://www.boglewood.com/cornaro/xportrait_b31gior... http://geneagraphie.com/getperson.php?personID=I67... http://www.oxfordmusiconline.com/view/10.1093/gmo/... http://www.persee.fr/web/revues/home/prescript/art... http://www.cornaroinstitute.org //doi.org/10.1093%2Fgmo%2F9781561592630.article.o0... https://books.google.com/books?id=PCcOAQAAMAAJ https://books.google.com/books?id=wRIAAAAAYAAJ&pg=... https://www.loc.gov/item/2010661845/ https://books.google.gr/books?id=7ShpaST874EC&pg=P...